ทำไมเจ้าหนูเตาะแตะจึงชอบขว้างสิ่งของ
เด็กอายุตั้งแต่ 18 เดือนถึง
3 ปี
มักจะชอบขว้างสิ่งของซึ่งเป็นทักษะใหม่ที่น่าสนุกสำหรับเจ้าตัวน้อย
การขว้างสิ่งของต้องใช้ทักษะด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กในการกางนิ้วออกและปล่อยวัตถุออกมา
และอย่าลืม การฝึกทักษะในการประสานกันของมือและตาในการเล็งไปยังเป้าหมาย มิน่าล่ะ
เจ้าตัวน้อยของคุณจึงชอบฝึกซ้อมทักษะที่น่าตื่นเต้นนี้ สิ่งที่ตามมา ก็คือ การเรียนรู้
เพราะเจ้าตัวน้อยคงพบว่าเมื่อขว้างสิ่งของแล้วสิ่งของก็จะตกลง ไม่ใช่ลอยขึ้นมา
ทั้งๆที่เจ้าหนูไม่รู้จักคำว่า “แรงโน้มถ่วง” แต่เจ้าหนูก็สามารถสังเกตเห็นผลของมันได้ ในขณะเดียวกัน
ถ้าเจ้าหนูโยนลูกบอลก็เห็นว่ามันเด้งขึ้นมาได้ แต่ถ้าโยนผลไม้ลงกับพื้น
มันกลับแตกอยู่ที่พื้น สำหรับคุณ
ก็คงต้องเหนื่อยเพราะเจ้าตัวน้อยโยนอาหารลงไปที่พื้น ให้คุณต้องคอยกวาดถูในทุกมื้อ
แต่สำหรับเจ้าตัวน้อย เขากำลังสนุกอยู่นั่นเอง
แล้วคุณจะทำอย่างไรกับการขว้างสิ่งของ
Dr. Roni Leiderman ผู้ช่วยคณบดีศูนย์ครอบครัวของ
Nova Southeastern
University ใน Fort Lauderdale , Florida
กล่าวว่า “ถ้าเจ้าตัวน้อยของคุณไม่ได้ขว้างก้อนหินใส่กระจก
หรือทำให้ใครต้องบาดเจ็บ ไม่จำเป็นต้องทำโทษเด็กจากการขว้างสิ่งของ” และเป็นการไร้ประโยชน์ที่จะพยายามหยุดไม่ให้เด็กๆ
ขว้างสิ่งของในอายุนี้
สิ่งที่พึงกระทำคือจำกัดสิ่งที่เด็กจะขว้าง
และสอนให้รู้ว่าขว้างไปที่ไหนได้
สอนให้เด็กรู้ว่าจะขว้างอะไรได้บ้าง
เจ้าตัวน้อยของคุณจะเรียนรู้ได้ว่าขว้างอะไรไม่ได้เร็วกว่าถ้ามีอะไรให้เธอขว้างมากกว่า
และยังได้รับการสนับสนุนให้ขว้างด้วย
แน่นอน ลูกบอลก็ควรจะเป็นสิ่งที่อนุญาตให้ขว้างได้
ซึ่งคุณควรจะมีลูกบอลโฟมไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ
เด็กๆยังชอบเกมขว้างเช่นการโยนถุงถั่วไปในตะกร้า
โดยเฉพาะถ้าคุณเล่นกับเขา สิ่งที่คุณต้องการจะให้เขาเข้าใจคือ
การขว้างสิ่งของนั้นทำได้ถ้าเด็กๆขว้างสิ่งที่ขว้างได้ไปยังที่ๆควรขว้างในเวลาที่ควรขว้าง “ถ้าเด็กขว้างบางอย่างที่ไม่เหมาะสม
เช่น รองเท้า ก็ค่อยๆเอารองเท้าออกมา และบอกกับเด็กว่า รองเท้าไม่ได้มีไว้ขว้าง
แต่ลูกบอลมีไว้ขว้าง พร้อมกับเอาลูกบอลให้เด็กเล่น” Dr. Leiderman กล่าว
ไม่สนับสนุนการขว้างที่ก้าวร้าว คุณควรจะทำอย่างไรเมื่อเจ้าตัวน้อยของคุณขว้างของที่ไม่ควรจะขว้าง
เช่น หยิบทรายในกะบะทรายแล้่วโยนออกไป หรือ ขว้างบล็อกใส่เพื่อน
คุณจะต้องพยายามไม่สนใจในสองสามครั้งแรกที่เกิดขึ้น
ถ้าเด็กรู้ว่าสามารถเรียกร้องความสนใจได้ถ้าขว้างของที่ไม่ควรจะขว้าง
เด็กก็จะทำพฤติกรรมนั้นอีก
ถ้าลูกของคุณเกือบจะทำให้เด็กคนอื่นบาดเจ็บด้วยการขว้างของใส่
คุณจะต้องทำเช่นเดียวกัน เพราะเด็กจะเรียนรู้จากการทำซ้ำ ถ้าเจ้าตัวน้อยทำอีก ก็ให้บอกว่า “ไม่นะ ทำอย่างนั้นแล้วเจ็บ” แล้วพาเจ้าตัวน้อยออกมา “time out” และค่อยพาหนูน้อยออกไปจากสถานการณ์นั้นเพื่อให้เจ้าตัวน้อยไปเริ่มทำอย่่างอื่นแทน กุญแจสำคัญคือ ให้ time out ไม่เกินหนึ่งนาที (สำหรับอายุขนาดนี้ ประมาณ 30 วินาทีก็พอ)
เพื่อให้เด็กไม่ลืมในสิ่งที่เธอทำแล้วถูกสั่งให้หยุดทำ
ถ้าคุณสังเกตเห็นว่าเจ้าตัวน้อยขว้างของใส่เด็กคนอื่นเวลาที่โกรธ
คุณต้องสนับสนุนให้เปลี่ยนเป็นการแสดงออกทางคำพูดแทน เช่น “ถ้าหนูโกรธ
Emily หนูพูดซิคะ” หรือ “หนูมาบอกแม่นะเวลาที่หนูโมโห” คุณยังสามารถที่จะให้ลูกรู้ว่าคุณไม่พอใจในพฤติกรรมนั้นๆได้ด้วยน้ำเสียงของคุณ
แต่อย่าให้ความโมโหของคุณเป็นตัวกำหนดล่ะ พยายามไม่ตะโกนใส่ลูก และไม่ตีเด็ก
แม้แต่ตีมือ เพียงเพราะคุณต้องการหยุดไม่ให้ลูกขว้างของ
ถ้าลูกยังคงขว้างของในลักษณะที่น่าทำให้มีคนเจ็บ
แม้ว่าคุณพยายามที่จะทำให้เจ้าตัวน้อยสงบแล้ว
คุณอาจจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องคอยดูอยู่ตลอดเวลา
เรียกว่าเป็นเงาตลอดเวลาที่เจ้าตัวน้อยเล่นของเล่น
ผูกของเล่นไว้กับเก้าอี้
เวลาที่เจ้าตัวน้อยนั่งในรถเข็นเด็กหรือเบาะในรถ ลองผูกของเล่นไว้ให้ถือได้
(ใช้สายสั้นๆ ที่จะไม่ยาวเกินไปจนอาจจะไปรัดคอเด็กได้) เด็กจะพบว่านอกจากขว้างของได้แล้ว
เจ้าตัวน้อยยังจะดึงมันกลับมาได้ด้วย
วิธีนี้ช่วยเพิ่มความสนุกและลดภาระของคุณที่ต้องคอยเก็บอีกด้วย
ช่วยกันเก็บของ
อย่าคิดแต่เพียงจะบอกให้เจ้าตัวน้อยเก็บของที่เพิ่งโยนออกไป Dr. Liederman กล่าวว่า “มันเป็นงานที่มากเกินไปสำหรับเด็กอายุเพียงนี้” แต่ให้คุณคุกเข่าลง
และช่วยลูกในทำนองที่ว่า “ลองมาดูกันซิว่า
เราจะช่วยกันเก็บบล็อกได้เร็วแค่ไหน” หรือ “หนูจะ่ช่วยแม่หา M&M สีเหลืองได้มั้ย”
Some rights reserved by Etolane |
สร้างตัวอย่างที่ีดี
คุณไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการโยนหมอนบนโซฟาเพื่อจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับลูก
คุณยังโยนสิ่งต่างๆ
ได้เพื่อทำให้เจ้าตัวน้อยเห็นว่าอะไรที่โยนได้ และอะไรที่โยนไม่ได้
เมื่อไรก็ตามที่ลูกของคุณขว้่างของที่ไม่ควรจะขว้าง
คุณก็พาทัวร์รอบๆบ้านด้วยการโยนถุงเท้าใส่ตะกร้า โยนกระดาษใส่ถัง
หรือของเล่นในกล่องของเล่น
นั่งกับเจ้าตัวน้อยขณะทานอาหาร คุณสามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องเก็บกวาดการโยนอาหารได้ด้วยการนั่งกับเจ้าตัวน้อยในขณะทานอาหาร ด้วยวิธีนี้
คุณสามารถที่จะบอกเจ้าตัวน้อยได้ทันทีไม่ให้ขว้างอาหารเมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยพร้อมจะขว้างอาหารหรือคุณอาจจะจับจานวางลงถ้าจำเป็น
Dr. Liederman บอกว่า “ผู้ปกครองควรจะนั่งด้วยเวลาเด็กทานอาหารแล้วพูดคุยกับเด็ก
เพื่อช่วยพัฒนาทักษะทางภาษา”
นอกจากนี้ยังสามารถนั่งเพื่อคอยดูว่าเด็กเคี้ยวอาหารได้ละเอียดพอ
ก่อนที่จะกลืนเพื่อกันการสำลักอาหารอีกด้วย
ใช้จานชามสำหรับเด็ก
Dr. Liederman กล่าวว่า “อย่าใช้จานกระเบื้องดีๆ หรืออะไรที่แตกได้ในการป้อนอาหารเด็กเล็ก”
ให้ใช้ถ้วยชามพลาสติกแบบที่มีจุกสูญญากาศที่จะไว้ยึดกับโต๊ะ ที่เด็กจะไม่สามารถยกจานขึ้นมาได้
แต่อย่าลืมว่าถ้วยแบบนี้จะใช้ได้ดีสำหรับเด็กที่จับแล้วปล่อย
แต่คงไม่สามารถหยุดเด็กที่ยิ่งสนใจว่าทำไมจานถึงติดได้ และ จะยิ่งดึงให้แรงเพื่อให้หลุด
ใช้อาหารจำนวนน้อยๆ ถ้าคุณเตรียมอาหารเป็นสัดส่วนน้อยๆ
แล้วค่อยๆเติมจะช่วยลดจำนวนอาหารที่ถูกขว้างทิ้งเพราะเจ้าตัวน้อยมีของให้ขว้างน้อยลง Dr. Liederman บอกว่า “อย่าผลักดันให้เด็กทานมากกว่าที่ต้องการ
เว้นแต่ว่าหมอบอกว่าเด็กกำลังขาดอาหาร” เด็กส่วนใหญ่จะไม่เริ่มขว้างอาหารจนกว่าจะทานเสร็จ
หรือ เริ่มเบื่อ เพราะฉะนั้น
ไม่ว่าเด็กจะทานมากน้อยเพียงไร การโยนอาหารเป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าเด็กอิ่มแล้ว
และคุณก็นำเด็กออกจากโต๊ะอาหาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น