วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Gymboree Delight : School skill


เด็กใน ช่วงอายุ 3-5 ขวบ เป็นช่วงเวลาที่ทั้งร่างกายและจิตใจมีการเปลี่ยนแปลงตลอด และยังเป็นช่วงเวลาที่น้องๆเริ่มที่จะไปโรงเรียน  การส่งเสริมกิจกรรมเพื่อเตรียมความทักษะให้น้องๆพร้อมสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่จึงมีความสำคัญอย่างมาก Gymboree USA ได้ตระหนักถึงความสำคัญในด้านเหล่านี้ จึงได้ทำการพัฒนาหลักสูตรการสอนอย่างต่อเนื่อง ด้วยโปรแกรม School Skills ซึ่งในคอลัมน์ Gymboree Delight วันนี้เราจะมาพูดถึงSchool Skills ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และส่วนที่เปลี่ยนแปลงจะมีประโยชน์กับพัฒนาการของน้องๆอย่างไรบ้าง

School Skills เป็นกิจกรรมที่ได้รับออกแบบมาสำหรับน้องๆวัย 3-5 ขวบที่ไปเข้าโรงเรียนแล้วหรือกำลังจะเข้าโรงเรียน   ตัวกิจกรรมยังคงเน้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างสนุก และสร้างสรรค์ ในสภาพแวดล้อมที่มีความเหมาะสมผ่านการเล่นในรูปแบบต่างๆที่มีความหลากหลาย  การพัฒนาจะยึดจากประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจากหลัก 7 Social-Emotional Skills หรือ การเรียนรู้พัฒนาการทางด้านอารมณ์และสังคม 7 แบบ ซึ่งประกอบด้วย ความเชื่อมั่นในตนเอง ความตั้งใจ ความสนใจใคร่รู้ การควบคุมตัวเอง การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี    ในด้านพัฒนาการ  น้องๆจะยังคงได้ประโยชน์หลักๆ 4 ด้านไปพร้อมๆกัน คือ ร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา เช่นเดิม  และยังเน้นการปลูกฝังการทัศนะคติที่ดีในการเรียนรู้ หรือที่เรียกว่า “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” อีกด้วย

ในด้านบทเรียนการสอน  School Skills จะมีการเปลี่ยนกิจกรรมทุกๆสัปดาห์ ประกอบด้วยบทเรียนที่หลากหลายถึง 35 บทเรียน   ทุกสัปดาห์น้องๆจะได้เรียนรู้ในด้าน ตัวอักษรภาษาอังกฤษ, การทดลองทางวิทยาศาสตร์, งานศิลปะ, งานปั้น และทักษะกีฬาเบื้องต้น ที่แตกต่างกัน  ในการทำกิจกรรมจะทำเป็นกลุ่มละประมาณ 8 คน มีคุณครูดูแล 2 คน   โดยในแต่ละช่วงจะประกอบด้วยกิจกรรมที่มีความหลากหลายแต่มีความเชื่อมโยงกัน  สลับกับการเล่นเป็นกลุ่มกับเพื่อนเพื่อฝึกฝนทักษะทางสังคม    ซึ่งจะทำให้น้องไม่เกิดความเบื่อหน่ายในการเรียน ซึ่งทำให้เค้าสามารถเรียนรู้ได้เต็มที่   มีให้เลือกทั้งคลาสแบบ 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมง  อาทิตย์ละครั้ง
กิจกรรมใหม่ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมจากหลักสูตรเก่า เรียกว่า Discovery Room ซึ่งใน Discovery Room นี้จะประกอบด้วยกิจกรรมที่มีความหลากหลายและฝึกฝนน้องในหลายๆด้าน เช่น การทดลองทางวิทยาศาสตร์ งานศิลปะ ที่จะดีอย่างมากกับทักษะในการคิดเป็นเหตุและผล, กระตุ้นให้เด็กเป็นคนที่ช่างสังเกต, รู้จักตั้งสมมติฐาน, ทำงานเป็นทีม เช่น การปิดตาดมกลิ่นเพื่อแล้วทายว่าของสิ่งนั้นคืออะไร การร่วมกันระบายสีและวาดตัวอักษร ผสมสี เป็นต้น โดยสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างนิสัยให้น้องๆเกิดความอยากรู้ อยากเห็น ช่างจินตนาการ คิดสร้างสรรค์ คิดเป็นเหตุเป็นผล และได้ฝึกฝนทำงานเป็นทีมร่วมกับเพื่อนๆ
School Skills ยังเพิ่มเติมกิจกรรมทางด้านศิลปะที่มีความเชื่อโยงกับตัวอักษรที่น้องได้เรียนประจำวัน เช่น ถ้าเรียนเกี่ยวกับตัวอักษร A งานศิลปะของเราก็จะมีความเกี่ยวข้องกับตัวอักษร A ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือการระบายสีจะมีการเชื่อมโยงถึงตัวอักษรที่เรียน    สิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นกับน้องได้อย่างแน่นอนคือ การที่น้องจะได้ฝึกการนำตัวอักษรไปใช้งานจริง และได้เป็นการทบทวน ซึ่งช่วยในการจดจำที่ดียิ่งขึ้น
สิ่งที่เพิ่มเติมเข้าไปใน School Skills อีกส่วนคือ กิจกรรมในด้านการปั้นอย่างสร้างสรรค์ ตัวกิจกรรมจะมีการปั้นแป้งโดว์ทั้งแบบคนเดียวและเป็นกลุ่ม    น้องๆจะได้เรียนรู้ตัวอักษรผ่านการปั้น และได้ฝึกฝนด้านจินตนาการกับการปั้นหลากหลายรูปแบบ   สิ่งที่น้องได้เพิ่มเติมคือจากการปั้นคือความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็กซึ่งจะส่งผลถึงทักษะการเขียนในอนาคต มากกว่านั้นการปั้นเป็นกลุ่มจะฝึกให้น้องได้ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนๆและฝึกฝนการเล่นเป็นกลุ่ม


อุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่สำคัญใน School Skills คือ Imagination desk ในSchool Skills เพราะโต๊ะตัวนี้ คือ สื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษผ่านการพูด การฟังคำสั่งภาษาอังกฤษ น้องจะได้มีโอกาสเรียนรู้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ โดยมีเสียงดนตรีประกอบที่สามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของน้องได้อย่างดี ตัวอย่างเช่น ตัวอักษร A ก็จะมีเพลงเกี่ยวกับตัวอักษร   มากกว่านั้นโต๊ะตัวนี้ก็มีหลายกิจกรรมให้ได้เลือกทำ เช่น การระบายสีตามคำสั่ง การตอบคำถาม ซึ่งจะมีประโยชน์คือทำให้น้องได้ฝึกฝนการติดต่อสื่อสารสองทาง และยังทำให้คุณครูสามารถตรวจสอบความเข้าใจของน้องๆได้เพื่อจะได้ช่วยเสริมในสิ่งที่น้องยังไม่เข้าใจ   ตัวโต๊ะยังมีสีสันที่สดใสเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้  และน้องๆยังสามารถนำกระดาษที่ได้ระบายสีระหว่างกิจกรรมกลับบ้านอีกด้วย   สำหรับน้องๆที่ยังไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษ Imagination Desk ก็ไม่ยากเกินความสามารถเพราะมีการอธิบายที่ค่อนข้างง่าย ชัดเจน หรือถ้าน้องไม่เข้าใจก็จะมีคุณครูคอยแนะนำช่วยเหลือเพื่อให้น้องเกิดความเข้าใจมากขึ้น

คำถามยอดฮิตจากผู้ปกครองที่มักจะมีความสงสัยว่ากิจกรรม School Skills นี้ความแตกต่างจากโรงเรียนอย่างไร หรือถ้าน้องไปโรงเรียนแล้วจะเล็กไปสำหรับน้องรึเปล่า ทางเราต้องขอบอกว่ากิจกรรม School Skills ได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญจากทางสหรัฐอเมริกามาโดยเฉพาะ กิจกรรมนั้นจะมีการส่งเสริมที่คล้ายกับทางโรงเรียนบ้างในบางส่วนเพราะว่าน้องๆ 3-5 ขวบนั้นสมควรจะได้รับการส่งเสริมทักษะต่างๆเหล่านั้น แต่ทาง Gymboree ก็มีกิจกรรม สื่อการสอนและสภาพแวดล้อมที่มีความแตกต่าง และมีเอกลักษณ์ เช่น กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์, Imagination Desk, อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ, จำนวนเด็กต่อครูที่ทำให้คุณครูดูแลน้องๆได้อย่างทั่วถึง และที่สำคัญที่สุดคือ คุณครู เพราะการสอนของครู Gymboree เน้นปลูกฝังนิสัยให้น้องเป็นคนช่างสงสัย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตนั้น   ทำให้ Gymboree มีความมั่นใจในความแตกต่างและมีมาตรฐาน  น้องที่เข้าโรงเรียนแล้วก็สามารถมาเรียนเสริมเพื่อให้เกิดความเข้าใจและเรียนรู้ทัศนะคติที่มีคุณค่าอย่างมากต่อตัวน้องในอนาคต ส่วนน้องที่ยังไม่เข้าโรงเรียนก็สามารถมาเรียนเพื่อเป็นการปรับตัวและเตรียมความพร้อมก่อนจะเข้าโรงเรียน จึงขอเชิญคุณพ่อคุณแม่พาน้องมาทดลองดูเพื่อให้เห็นกับตาโดยคุณพ่อคุณแม่ที่มีความสนใจสามารถต่อติดสอบถามเพื่อนัดวันทดลองได้ที่ Gymboree ทุกสาขาใกล้บ้านค่ะ

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Gymboree Delight 1 ตอนที่ 2


1.    ประเภทของกิจกรรม
ที่ Gymboree
·         มีการแบ่งประเภทชัดเจน เพื่อให้เด็กได้รับการเสริมพัฒนาการในหัวเรื่องเฉพาะด้านในช่วงเวลาที่เหมาะสม
·         แต่ละประเภทกิจกรรม มีความแตกต่างกันในเนื้อหา แต่ยังคงไว้ซึ่งปรัชญาการสอนแบบ Gymboree
·         ทุกกิจกรรมมีอุปกรณ์เฉพาะ ที่ออกแบบสำหรับกิจกรรมนั้นๆ

กิจกรรมเด็กเล็กอื่น
·         บางกิจกรรม ผสมหลายประเภทกิจกรรมเข้าด้วยกันในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้เด็กไม่ได้รับการพัฒนาเฉพาะด้านที่ดี เนื่องจากไม่มีเวลาพอที่จะทำความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ


2.    สถานที่
ที่ Gymboree
·         เป็นสถานที่เฉพาะสำหรับเด็ก 0 -5 ปี และมีห้องที่เหมาะสมตามแต่ละกิจกรรม
·         พื้นที่กว้างขวาง
·         ทุกห้องสะอาดและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกสาขามีแม่บ้าน Full-time
·         มั่นใจได้ในความปลอดภัย

กิจกรรมเด็กเล็กอื่น ส่วนใหญ่มักพบว่า
·         มีพื้นที่ห้องจำกัด เนื่องจากต้องการประหยัดพื้นที่
·         ไม่แบ่งสัดส่วนตามที่ควรเป็น
·         ไม่มีการจัดการด้านความสะอาดดีเท่าที่ควร
·         หลายกิจกรรมที่ใช้สถานที่สำหรับทุกวัยไม่เฉพาะเจาะจงสำหรับเด็กเล็ก

3.    อุปกรณ์
ที่ Gymboree
·         อุปกรณ์หลักๆ ได้รับออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อออกแบบอุปกรณ์สำหรับการใช้เฉพาะในศูนย์กิจกรรมเสริมพัฒนาการ
·         ใช้วัสดุที่เหมาะสมสำหรับเด็กโดยเฉพาะ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยสูงสุด
·         อุปกรณ์หลักสามารถถอดประกอบได้ ปรับเปลี่ยนได้ตามบทเรียนที่กำหนดในแต่ละสัปดาห์
·         มีขนาดที่เหมาะสมกับเด็กเล็ก
·         ใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง ผลิตโดยโรงงานผลิตที่ได้คุณภาพเป็นสถานที่เฉพาะสำหรับเด็ก 0 -5 ปี และมีห้องที่เหมาะสมตามแต่ละกิจกรรม

กิจกรรมเด็กเล็กอื่น ส่วนใหญ่มักพบว่า
·         หลายแหล่งใช้อุปกรณ์ที่หาซื้อได้ในท้องตลาด เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบสำหรับการใช้ในครอบครัว ไม่ใช่การใช้ในศูนย์กิจกรรมเด็ก ซึ่งต้องระวังเรื่องความแข็งแรง และความปลอดภัย
·         ลักษณะของอุปกรณ์อาจเหมาะสำหรับผู้ใหญ่หรือเด็กโตมากกว่า


4.    ครูผุ้นำกิจกรรม
ที่ Gymboree
•   มีหน้าที่หลักในการนำกิจกรรมให้ผู้ปกครองทำร่วมกับเด็ก
•   ได้รับการคัดเลือกอย่างละเอียดก่อนเข้ารับการอบรม
•   ต้องผ่านการฝึกอบรมเบื้องต้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน และต้องเข้าสอบทดสอบความสามารถ ก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสอนจริง
•   มีการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการนำกิจกรรม ความรู้เกี่ยวกับเด็กเล็ก การตีความบทเรียนไปในทิศทางเดียวกัน ฯลฯ
·         ต้องทำงานกับ Gymboree แบบ Full time

กิจกรรมเด็กเล็กอื่น ส่วนใหญ่
·         มักใช้ครูหลายคน เน้นเป็นผู้ทำกิจกรรมกับเด็กโดยตรง เช่น การประคองเด็กไม่ให้ตกจากอุปกรณ์
·         บางกิจกรรม มีการใช้ครูต่างประเทศเพื่อผู้ปกครองที่ต้องการพัฒนาการด้านภาษา แต่อาจต้องพิจารณาเรื่องความเข้าใจในพัฒนาการเด็ก และความสามารถในการเสริมทักษะเด็กเล็กด้วย
·         มีการฝึกอบรมที่จำกัด บางกิจกรรมให้ครูใหม่สามารถเข้าสอนได้โดยไม่ต้องรับการฝึกอบรมใด โดยเฉพาะกิจกรรมที่เน้นการตีลังกาหรือที่เกี่ยวข้องกับศรีษะ
·         หลายกิจกรรมใช้นักเรียนฝึกงาน หรือ เจ้าหน้าที่ Part time

จากรายละเอียดข้างต้นที่กล่าวมา คงจะให้ภาพของ Gymboree ชัดเจนขึ้นนะคะ สำหรับบทความหน้าเราจะมาพูดคุยกันแบบเจาะลึกในเรื่องที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนวิชา Play and Learn ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Gymboree Delight 1


    
 Gymboree Delight ตอนที่ 1 นี้จะเป็นพื้นที่สำหรับผู้ปกครองที่อยากรู้จัก Gymboree มากขึ้นในเชิงวิชาการค่ะ เราจะรวบรวมคำถามคำตอบในเชิงหลักสูตรและการสอนมาไว้ที่นี่  เพื่อให้ท่านได้เข้าใจถึงที่มาและไปของกิจกรรมบางประเภทที่ท่านได้สัมผัสในห้องเรียน รวมถึงการปรับปรุงหลักสูตรและกิจกรรมที่ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องอย่างใกล้ชิดอีกด้วยค่ะ

     สำหรับ Gymboree Delight 1 ดิฉันอยากเริ่มด้วยการแนะนำ Gymboree อย่างจริงจังอีกสักครั้งก่อนที่เราจะมุ่งเข้าสู่เนื้อหาทางด้านหลักสูตรในบทความต่อๆไป  เพื่อให้ท่านทราบว่า Gymboree คืออะไรและแตกต่างจากกิจกรรมเด็กอื่นๆ ในแง่มุมใดบ้าง ประมาณ 7 เรื่องด้วยกันค่ะ

     Gymboree Play and Music เป็นผู้นำในระดับโลกในกิจกรรมเสริมพัฒนาการเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 5 ปี โดยเน้นเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวและเสริมพัฒนาการเด็กครบทั้ง 4 ด้าน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1976 ปัจจุบันมีสาขาทั่วโลกกว่า 690 สาขา  อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ Gymboree Corporation ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ประเทศสหรัฐอเมริกา มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง San Francisco นอกจากส่วนงานด้านการบริการนี้แล้ว Gymboree Corporation ยังมีธุรกิจเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ Gymboree และ Janie and Jack และ Crazy 8 อีกด้วย สำหรับ Gymboree Play and Music นั้นมีลักษณะที่แตกกต่างจาก Playgroup อื่นดังนี้

1.    การเข้าร่วมกิจกรรมของผู้ปกครอง
ที่ Gymboree
    • เราเน้นให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมแบบ Active เพราะเราเชื่อว่าผู้ปกครองคือบุคคลที่สำคัญที่สุดต่อการเสริมพัฒนาการของลูก
    • นอกจากนี้เรายังเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว การเข้าร่วมกิจกรรมกับเด็กๆ ถือเป็นเวลาคุณภาพของครอบครัวที่มีลูกเล็ก
    • ทั้งยังช่วยเสริมทักษะการสร้างปฏิสัมพันธ์ของผู้ปกครองกับลูก  เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆของลูก
    • และผู้ปกครองจะสามารถนำกิจกรรมในชั้นเรียนกลับไปเล่นต่อที่บ้านได้จริงอีกด้วย
กิจกรรมเด็กเล็กอื่น
·         ให้ผู้ปกครองเข้าร่วมในชั้นเรียนแต่เป็นในลักษณะ Passive โดยมีครูหลายๆ คนคอยประคับประคองเด็ก ผู้ปกครองมีบทบาทรองจากครู
·         ส่วนใหญ่ทุกกิจกรรมจะจำกัดการเข้าร่วมของผู้ปกครองได้ไม่เกินอายุ 3 ปี

2.    ปรัชญาการสอน
ที่ Gymboree มีปรัชญาการสอนที่ชัดเจน เช่นเดียวกันทุกสาขาทั่วโลก
·         เป็นผู้บุกเบิกเรื่องการเรียนรู้ผ่านการเล่นมากว่า 30 ปีแล้ว จึงเน้นให้เด็กทำกิจกรรมพัฒนาทักษะต่างๆ ผ่านการเล่นอย่างสนุก
·         เชื่อและเคารพในความแตกต่างของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพัฒนาการทางร่างกายและพื้นฐานอารมณ์
·         ยึดมั่นในทฤษฏีพัฒนาการเด็กปฐมวัยซึ่งเน้นที่ระดับพัฒนาการแตกต่างกัน เช่น แบ่งย่อยถึง 7 ระดับ ในช่วงอายุ 0-5 ปี จึงทำให้การออกแบบกิจกรรมตามช่วงวัยเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับช่วงอายุหนึ่งๆ
·         ในช่วงพัฒนาการหนึ่งๆ มุ่งเสริมพัฒนาการองค์รวมที่คาดหวังได้ (Overaching Developmental Goals)
·         Gymboree เน้นพัฒนาการในภาพรวมมากกว่าเพียงพัฒนาการแยกเป็นส่วนๆ เช่นในบทเรียนหนึ่งๆ จะต้องครอบคลุมการเสริมพัฒนาการครบทั้ง 4 ด้าน (ร่างกาย สังคม อารมณ์ สติปัญญา) ไม่เน้นเฉพาะร่างกาย หรือสมองเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
·         สร้างการเรียนรู้ถาวรโดยให้เด็กๆ ได้ทดลองจริง เปิดโอกาสให้เด็กได้ทำผ่านกิจกรรมอันหลากหลาย
·         เน้นให้เด็กมีโอกาสในการเลือกกิจกรรม โดยไม่บังคับ

กิจกรรมเด็กเล็กอื่น ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ไป โดยพิจารณาจาก
·         ความน่าเชื่อถือและการยอมรับของแบรนด์นั้นๆ หรือโรงเรียนนั้นๆ
·         คุณครูมีความเชื่อและแนวทางในการสอนเป็นไปในทางเดียวกันหรือไม่ หรือผู้เป็นเจ้าของแบรนด์สามารถสืบทอดเจตนารมณ์และแนวทางการปฏิบัติของตนสู่ผู้ปฏิบัติจริงได้หรือไม่
·         การแบ่งระดับชั้นเรียนว่ามีความชัดเจนเพียงใด แบ่งกลุ่มและออกแบบกิจกรรมได้เหมาะสมตามช่วงอายุหรือไม่
·         ความคาดหวังถึงผลลัพธ์จากระบบการสอนนั้นๆ ชัดเจนเพียงไร

3.    การออกแบบหลักสูตรการสอนและกิจกรรม
ที่ Gymboree
·         ทุกหลักสูตรได้ถูกออกแบบโดยทีมงาน R&D จาก Gymboree Corporation ประเทศสหรัฐอเมริกา 
·         ทีมงานได้พัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี โดยมีเป้าหมายปรับปรุงแต่ละหลักสูตรอย่างน้อยทุกๆ 3-5 ปี
·         มีการพัฒนาหลักสูตรอย่างรอบคอบ มีการหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กตลอดเวลา มีการทดลองสอน เพื่อพัฒนาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะนำมาใช้จริง 
·         หลักสูตรแต่ละหลักสูตรสอดคล้องกับพัฒนาการเด็กตามช่วงอายุและได้รับการยอมรับจากองค์กร Zero to Three ว่าเหมาะสมกับเด็ก 0-5 ปีที่สุด
·         ทุกหลักสูตรมีบทเรียนที่ออกแบบไว้สำหรับ 1 ปีต่อหนึ่งระดับอายุโดยไม่ซ้ำกัน อาจจะมีบางกิจกรรมที่ซ้ำกันบ้าง แต่เด็กๆ จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอในแต่ละบทเรียน
·         เปลี่ยนบทเรียน (Lesson Plan) ทุกสัปดาห์ มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ในทุกบทเรียนมี Theme ชัดเจน  ทุกกิจกรรมในบทเรียนนั้นมีที่มาและที่ไป  เช่น การวาดภาพหรือตัดแปะในกิจกรรมศิลปะ  จะวาดภาพที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ในวันนั้น มิใช่วาดภาพอะไรก็ได้
·         สอนโดยคุณครูที่ได้รับการอบรมให้เข้าใจและนำหลักสูตรไปใช้อย่างถูกต้องในทุกประเทศทั่วโลก

กิจกรรมเด็กเล็กอื่น มีความแตกต่างกันในแต่ละที่ โดยพิจารณาจาก
·         มีการออกแบบหลักสูตรหรือไม่ ผู้ออกแบบหลักสูตรคือใคร ปรับปรุงหลักสูตรบ่อยเพียงใด ล่าสุดคือเมือใด
·         หลักสูตรมีโครงสร้างที่ชัดเจนหรือไม่  และมีความหลากหลายในกิจกรรมหรือไม่
·         หลักสูตรมีความเหมาะสมตามช่วงอายุหรือไม่  มีการแบ่งระดับชั้นห่างหรือถี่อย่างไร
·         ในแต่ละบทเรียนมีกิจกรรมที่ครอบคลุมพัฒนาการครบทั้ง 4 ด้านหรือไม่
·         มีการออกแบบหลักสูตรเป็น Theme ที่มีกิจกรรมสอดคล้องกันในบทเรียนหนึ่งๆ หรือไม่  เช่น ในกิจกรรมศิลปะการที่เด็กๆ วาดรูปนั้น มีการปูความรู้พื้นฐานที่สอดคล้องกับกิจกรรมก่อนหน้าไม่ หรือเพียงแค่อยากวาดอะไรก็วาดโดยไม่มีทิศทาง
·         บางกิจกรรมมีความพยายามสอนทักษะที่เกินกว่าพัฒนาการของเด็ก เพียงเพื่อให้ผู้ปกครองเห็นว่า มีการสอนด้านวิชาการในหลักสูตรของตน
·         บางกิจกรรมใช้สื่อวิดีทัศน์ในการสอน ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากเด็กควรจะได้รับการสอนจากสิ่งของ 3 มิติ
·         ระบบการจัดการหลักสูตรของครูแต่ละคนเหมือนกันหรือไม่




จบ ตอนที่ 1