สัญลักษณ์สื่อภาษา
แม้ว่าเด็กทารกจะยังไม่สื่อสารเป็นคำพูด
แต่มีความสามารถที่จะแสดงออกแล้วผ่านการทำสัญลักษณ์
ซึ่งรูปแบบของการสื่อสารที่สังเกตง่าย เช่น เมื่อเด็กร้องไห้
พ่อแม่จะรับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าเสียงร้องนั้นบ่งบอกถึงความต้องการอะไร
เพื่อที่จะตอบสนองได้อย่างถูกต้อง
โดยที่เสียงร้องของเด็กแรกเกิดจะจำกัดอยู่ระหว่าง การส่งเสียงออกมาดังๆ
หรือร้องครางเบาๆ หลังจาก 2 เดือนแรกเด็กจะเริ่มเปล่งเสียงร้องสั้นๆ ที่เรียกว่า “การเลียนเสียงสระ” (เช่น อู อา เป็นต้น)
ช่วงเวลานี้เด็กจะเปิดรับความสัมพันธ์ที่ดีผ่านรอยยิ้ม นักวิจัยพบว่าเด็กทารกมักส่งเสียง
“coo” เมื่ออยากจะพูด รู้สึกสบายตัว หรือมีความสุข
การที่เด็กส่งเสียงออกมานั้นจะเป็นการเพิ่มความยาว
และระยะเวลาสำหรับการออกเสียงในครั้งต่อไป โดยเฉพาะเมื่อพ่อแม่ส่งเสียง “coo”
ตอบกลับมาด้วยเกิดการโต้ตอบระหว่างกัน ถือเป็นการกระตุ้นทักษะด้านการสื่อสารที่ดีในอนาคต
ในขณะที่เด็กทารกอายุ
3-6 เดือน จะเริ่มเปล่งเสียงที่หลากหลายมากขึ้น
มีความเชื่อมโยงในการออกเสียงของสระ และพยัญชนะต่อเนื่องกัน เช่น “da” และ “ga” ที่เรียกว่า “การพูดแบบไม่เป็นภาษา” (babbling) โดยที่การเปล่งเสียงเป็นคำสั้น (cooing) และการพูดแบบไม่เป็นภาษา(babbling)
อาจไม่ใช่รูปแบบที่แท้จริงของการพูด
แต่ถือเป็นพัฒนาการขั้นสำคัญมากที่สุดในการเรียนรู้ทางภาษาของเด็กทารก
เด็กทารกจะเริ่มคุ้นเคย
และตอบสนองกลับเป็นภาษาที่ได้ฟังบ่อยๆ เช่น คำว่า “อร่อย” (yum) อาจสัมพันธ์กับช่วงเวลาป้อนอาหาร หรือคำว่า “uh
oh” อาจมีความหมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเวลา
ไม่ว่ารูปแบบของการสื่อสารของเด็กทารกจะเป็นอย่างไร (เช่น การร้องไห้
เปล่งเสียงสั้นๆ หรือยิ้ม) สิ่งสำคัญอยู่ที่การตอบสนอง
และการกระตุ้นในช่วงเวลาที่เด็กแสดงอารมณ์ความรู้สึกนั้นออกมา ดังนั้นการสื่อสารร่วมกันระหว่างพ่อแม่
และลูก จะดีต่อความต้องการพื้นฐานที่จำเป็นในการเรียนรู้
เพื่อรู้จักใช้ภาษาต่อไปได้อย่างเหมาะสม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น