การเล่นสำคัญต่อพัฒนาการเด็กหรือไม่
แน่นอนที่สุด การเล่นมีผลต่อพัฒนาการด้านต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม อารมณ์ ร่างกาย หรือสติปัญญา
การเล่นเป็นหนทางของเด็กๆในการเรียนรู้ถึงร่างกายของตัวเอง โลกรอบๆตัว
และการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ฉันรู้สึกอย่างไรเมื่อฉันสัมผัสกับวัตถุ เวลาที่ฉันบีบเจ้าตุ๊กตาและมีเสียงอย่างไร
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันดึง หรือดันชิ้นนี้
เอ๋ ลองปีนไม้นี้ดีหรือเปล่านะ?
การสำรวจเป็นหัวใจของการเล่น
และไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการที่เด็กๆได้ทดลองทำสิ่งต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการโยนอาหารออกจากจานข้าวด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการมักจะพูดว่าการเล่นคืองานของเด็ก
(และการเก็บกวาดของเล่นเป็นงานของผู้ปกครอง)
เมื่อเจ้าตัวน้อยของคุณโตมาเป็นช่วงวัยเดินเตาะแตะ
การเล่นก็จะยิ่งซับซ้อนและเต็มไปด้วยจินตนาการ ด้วยการเล่นนี้เอง
เจ้าตัวน้อยจะได้ฝึกทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความเป็นตัวของตนเอง ความคิดสร้างสรรค์
ความอยากรู้อยากเห็น และการแก้ปัญหา
การเล่นยังเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆจะได้แสดงความรู้สึก คุณค่า
และพัฒนาทักษะทางสังคม
ก่อนที่เด็กๆจะพร้อมพอที่จะแบ่งของเล่นชิ้นโปรดให้กับน้องของตัว
เด็กอาจจะยื่นให้กับตุ๊กตาก่อน คำพูดอย่างเช่น
“ขอบคุณ” อาจจะเกิดขึ้นในการเล่นบทบาทสมมติในงานเลี้ยงน้ำชา
และคงไม่มีผู้ปกครองคนไหนจะไม่ยอมเสียแผ่นพลาสเตอร์ดีๆเมื่อหนูน้อยบอกว่าตุ๊กตาหมีเจ็บ
แล้วเล่นแบบไหนดีที่สุดสำหรับลูกของเราล่ะ
การเล่นที่เหมาะสมนั้นขึ้นกับช่วงพัฒนาการของเด็ก เพราะการเล่นคือเครื่องมือที่เด็กๆใช้ในการเรียนรู้โลกรอบตัว
ทักษะที่เขากำลังฝึกอยู่จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเลือกกิจกรรม ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่เด็กอายุ 12 เดือนและกำลังเรียนรู้เรื่องของเหตุและผล คุณก็อาจจะเล่นซ่อนแอบง่ายๆเพียงด้วยเก้าอี้และโต๊ะ แต่ถ้าหนูน้อยอายุ 20 เดือนและกำลังชอบปีนบันได
คุณก็ต้องหาชุดปีนป่ายที่เขาสามารถฝึกฝนได้โดยที่คุณเฝ้าดูอยู่
นักบำบัดด้วยการเล่นอย่าง Catherine
Marchant จาก Wheelock
College
มีคำแนะนำประเภทของการเล่นต่างๆ ในช่วงพัฒนาการต่างๆ ดังนี้
การเล่นทางสังคม
ในช่วงปีแรกนั้น
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคุณและผู้อื่นสำคัญมาก
หนูน้อยชอบยิ้ม มอง และหัวเราะ
ในขณะที่ทารกที่โตขึ้นจะชอบเกมพวกเล่นจ๊ะเอ๋ และเพลงแมงมุมน้อย
การเล่นกับวัตถุ
ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส การกระแทก การใช้ปากสำรวจ การโยน
การดัน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทดลองกับวัตถุใดๆ
ก็นับได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับหนูน้อยวัย 4-10 เดือนแล้ว
การเล่นสมมติใช้งานอุปกรณ์
การเล่นสมมติการใช้งานวัสดุที่คล้ายกัน เช่น
การดันของเล่นเครื่องตัดหญ้าบนพื้นหญ้า เป็นความสนุกของหนูน้อยวัย 12-21 เดือนที่จินตนาการกำลังก้าวไกล
การเล่นสมมติง่ายๆ
การเล่นแบบนี้สามารถทำให้หนูน้อย 2 ขวบเล่นได้ทุกอย่าง
อาจจะเปลี่ยนกล่องรองเท้าให้เป็นรถบัส พร้อมเสียงเครื่องยนต์ หรือ
สมมติว่ากำลังทานโดนัทโดยใช้วงแหวนพลาสติกสมมติเอา
การเล่นบทบาทสมมติ
พออายุได้ 30-36 เดือน นักแสดงตัวน้อยของคุณกำลังเริ่มบทบาทใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเล่นเป็นคุณหมอ
คุณครู หรือ แม้แต่คุณแม่
เล่นให้ได้ประโยชน์ที่สุดต้องทำอย่างไร
เน้นการเล่นมากกว่าแค่ให้เล่นกับของเล่น
การเล่นคือกิจกรรมสนุกใดๆที่ต้องเกี่ยวข้องกับคน วัตถุ
หรือการเคลื่อนที่ จากการเป่า bubble ให้กันและกันไปถึงการร้องเพลง หรือ เล่นสาดน้ำในห้องน้ำ
รวมถึง วิ่งไล่กันในห้อง ก็ถือว่าเป็นการเล่นคุณภาพทั้งนั้น
ถ้าคุณเคยเห็นเด็กหนึ่งขวบกำลังหลงใหลกับการเล่นกับกล่องกระดาษแข็ง
คุณก็พอจะเข้าใจแล้วว่า การเล่นอย่างมีคุณภาพนั้นกว้างเพียงใด
เล่นไปกับลูกของคุณ คุณคือส่วนประกอบในการเล่นที่ดีที่สุด ไม่มีอะไรจะสนุกกว่าการที่เจ้าตัวน้อยได้สนุกกับคุณ
พูดคุยกับเด็กๆเพื่อช่วยเสริมทักษะด้านภาษาไปด้วยเลย
เล่นกับเด็กเวลาที่เจ้าตัวน้อยกำลังมีความสุขและพักผ่อนมาเพียงพอ
เป็นคำแนะนำจากนักจิตวิทยาพัฒนาการอย่าง Marilyn
Segal ซึ่งแต่งหนังสือ Your Child at Play
หยุดเล่นเมื่อเด็กพอแล้ว เด็กแต่ละคนมีจังหวะในการกระตุ้นที่แตกต่างกัน ถ้าลูกของคุณแสดงอาการเบื่อ หงุดหงิด
หรือเหนื่อย ก็แสดงว่าถึงเวลาพักแล้ว
เปิดโอกาสให้หนูน้อยได้เล่นทั้งกับเพื่อนๆ และเล่นคนเดียว
เพราะการเล่นทั้งสองอย่างมีประโยชน์เปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกกิจกรรม
และกำหนดทิศทางในการเล่น
คุณสามารถเสนอแนะสิ่งใหม่ๆ หรือเสนอทางเลือกได้
แต่คนที่เลือกต้องเป็นตัวเด็ก อย่าลืมว่า
การเล่นต้องสนุก และนั่นคือสิ่งที่ลูกของคนมีความเชี่ยวชาญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น